ดูจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในขณะนี้ ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม ความเหนื่อยล้าของบุคลากรทางการแพทย์ ระบบการบริหารงานของหน่วยงานและภาคการเมือง (อุปกรณ์ป้องกันให้แพทย์ / พยาบาล ไม่พอบอกพอ การตรวจคัดกรอง นายตำรวจประจำจุดตรวจให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า สุ่มตรวจรถเป็นบางคัน ไม่ได้ตรวจทุกคัน เพราะใช้เวลาในการตรวจมาก … ) เห็นแล้ว คิดว่าเราทุกคนควรป้องกันตนเองให้ดีที่สุด ด้วยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายที่บ้าน ไม่ทำพฤติกรรมเสี่ยง (ไปในที่ชุมชน / แออัด จัดเลี้ยงเชิญคนมารวมกันที่บ้านบอกว่าร้านปิด / ผับ บาร์ปิด มากินที่บ้านกัน.. ??? ) หากจำเป็นต้องออกจากบ้านป้องกันตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ผู้เขียนทำนายว่าการควบคุมการระบาดจะเอาไม่อยู่ ด้วยวิธีคิดและวินัยของคนในประเทศ เราจะเห็นได้ว่าปัญหาต่าง ๆ ล้วนเป็นปัญหาในเชิงการบริหารจัดการทั้งสิ้น เท่าที่ได้ตามสถานการณ์มา ยังไม่เห็นปัญหาในด้าน content การแพทย์ หรือ การรักษาพยาบาลเลย และทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่มีรากเหง้ามาจาก “พฤติกรรมคน” ที่ล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับสังคม ทุกพฤติกรรมของตัวเราเอง ล้วนส่งผลกับสังคมที่เราต่างเรียกร้องให้เป็นอย่างนี้ นั้น โน้น แต่เรายังทำตามความ “อยาก” ของเราโดยไม่มีทุนความคิดด้านผลกระทบต่อส่วนรวมในระยะยาว
.
มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า หลังการระบาดของไวรัส Covid 19 สงบลง อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง??? ผู้คนจะเรียนรู้ไหมว่าถ้าส่วนรวมมีปัญหา ส่วนตัวก็อยู่ไม่ได้??? มนุษย์จะเรียนรู้ไหมว่าการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ใช่เพียงเพื่อยังชีพ แต่กอบโกยเพื่อตอบสนองความอยากเท่านั้น จะนำไปสู่หายนะใดบ้าง????
.
ไวรัส Covid 19 เป็นสัญาณหนึ่งที่ออกมาเตือนเรา ไวรัส ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนี่งในโลกใบนี้ และแน่นอน สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในโลกใบนี้ มีสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง คือ ปรับตัวเพื่อการมีชีวิตรอด ไม่ต้องอื่นไกล ตัวเราเองนี่แหละ มนุษย์ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมเสมอมิใช่หรือ หากปรับตัวไม่ได้เมื่อใด ก็เจ็บป่วย กรณีตัวอย่างที่ชัดก็เรื่อง PM 2.5 ไง พอมันมาซ้ำหลายหน ปีนี้ เราก็เริ่มเห็นคนเฉย ๆ กับมัน ไม่ต้อใส่หน้ากากอนามัย ก็ทนได้ หรือแม้แต่การหาหน้ากากอนามัยมาใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ก็ถือเป็นการปรับตัวของเราเพื่อให้อยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมเช่นกัน เชื้อโรคก็เช่นกัน เขาก็พยายามปรับตัวเพื่อการมีชีวิตรอด และด้วยเหตุที่แหล่งอาศัยในการมีชีวิตอยู่ของเชื้อต่าง ๆ คือ ในร่างกายสิ่งมีชีวิตอื่น คือ มนุษย์ / สัตว์ ดังนั้น ยิ่งวิวัฒนาการในการดำรงชีวิตของมนุษย์มีมากขึ้นเท่าใด การทำลายล้างธรรมชาติก็ติดตามมาเป็นเงาตามตัว เพราะเชื้อโรคก็จะมีการปรับตัวเพื่อการมีชีวิตอยู่ ฤทธิ์ / พิษในการทำลายล้างก็จะมากขึ้นเพื่อให้มีชีวิตอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้ การกลายพันธ์ในทุก ๆ รอบสิบปีของไวรัส ตามทฤษฎี จึงเป็นสิ่งยืนยันเรื่องนี้ สาม-สี่สิบปีก่อน โลกก็เคยสะเทือนด้วย HIV ตามด้วย เมอร์ / ซาร์ ดังนั้น เมื่อเวลาผ่าน Covid 19 ก็จะไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ แต่มันจะมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นอีกตามวิวัฒนาการของมนุษย์เช่นกัน( แม้ในขณะนี้ ท่ามกลางการรับมือของประเทศต่าง ๆ ก็มีบางข้อมูลออกมาว่ามีการปรับตัวของสายพันธ์แล้ว) ยิ่งการทำลายล้างธรรมชาติมีมากขึ้นเท่าใด ความรุนแรงของโลกอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ย่อมแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว
.
แล้วเราจำต้
องยอมรับชะตามกรรมนี้??? เพราะการดำรงชีวิตมนุษย์ย่อมพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างรวดเร็วในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากในชีวิต สิ่งที่เราควรทำเพื่อเตรียมรับมือกับโรค(ที่จะ)อุบัติใหม่และร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร? หลายปีก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมเป็นคณะทำงานร่างหลักสูตรแม่บทของเด็กสายอาชีพ เสนอทีมงานเรื่องการเตรียมเด็กให้จัดการตัวเองกับโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ตามแนวคิดที่กล่าวข้างต้น ได้แก่ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุล ใช้เทคโนโลยีแบบเบียดบังธรรมชาติให้น้อยที่สุด ปูหลักคิดเรื่องการกระทำทุกอย่างต้องเพียงแค่พอยังชีพ ละเลิกเรื่องความโลภ ไม่ละเมิดหรือเบียดบังผู้อื่น / สิ่งมีชีวิตอื่น มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวที่มีอยู่ในโลก และไม่ได้มีอำนาจเหนือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น อยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างเคารพกัน เมื่อเกิดโรคอุบัติใหม่ขึ้น ในฐานะประชาชนทั่วไป จะเอาตัวรอดจากโรคได้อย่างไร .. อะไรคือทักษะพื้นฐานที่ต้องเตรียมคนเมื่อเผชิญกับสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน … แต่ทว่า ไม่มีเสียงตอบรับจากทีมงาน ไม่มีใครสนใจ!!!!
.
เชื่อเถอะว่า Covid 19 จะไม่ใช่โรคอุบัติใหม่โรคสุดท้าย มันจะมีมาอีกแน่ ๆ สถานการณ์ ณ ขณะนี้ของบ้านเรา บอกตัวผู้เขียนว่า การเตรียมคนให้เป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพ อันได้แก่ การคิดอย่างมีระบบ การใฝ่เรียนรู้ ค้นคว้าหาข้อมูล การคิดถึงส่วนรวมมาก่อนส่วนตน การรู้ว่าทุกการกระทำทั้งการทำและไม่ทำพฤติกรรมใดของตนเองล้วนผู้พันกับสังคมส่วนรวม หรือที่เราเรียกว่า “วินัยภายใน” เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากในการรับมือกับการระบาดในขณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดตื่นตระหนกและให้ความร่วมมือในการควบคุมการระบาด แต่เมื่อมันมิได้ถูกเตรียมมาก่อนหน้านี้ เริ่มต้น ณ ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เริ่มฝึกกันเถอะ เพราะเชื่อเถอะว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เราต้องเจออีกหลายรอบแน่ในช่วงชีวิตเรา.. ด้วยระบบสมดุลของธรรมชาติได้ถูกมนุษย์ที่ลโมบได้สูบทำลายล้างไปจนเสียหายมากแล้ว!!!!
.
บทความโดย : คุณสุจิตรา โปร่งแสง นักวิชาการอิสระ
.
#precise #พรีไซซ #covid19 #โควิด19 #โควิด #จุดพลังแห่งความรุ่งเรืองร่วมกัน #preciseproducts
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะค่ะ
ป้องกันตัวนะครับไม่ต้องให้ใครมาบังคับทำเองคนไทยต้องช่วยกันเอง