ทุกคนในสังคมยุค 4G ทราบดีถึงความสำคัญของแหล่งพลังงานอย่าง ไฟฟ้า โดยไม่มีข้อกังขาถึงความจำเป็นในการมีอยู่ เพราะวิถีชีวิตของเราปัจจุบันนั้นมีส่วนพึ่งพาการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ต่างไปจากการใช้พลังงานในรูปแบบอื่นๆ เช่น พลังงานเคมีในอาหาร พลังงานความร้อนของเครื่องทำน้ำร้อน หรือพลังงานศักย์ของน้ำที่อยู่เหนือเขื่อน
แล้วอะไรหละ ที่มีส่วนสำคัญและเกี่ยวข้องกับเราในการใช้ไฟฟ้า? ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ในครัวเรือน การใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจ องค์กร ห้างสรรพสินค้า คมนาคม การติดต่อสื่อสาร และที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากที่สุดก็น่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน (Smartphone ) คอมพิวเตอร์เองก็เช่นกัน ในยุคที่ Internet website social ทุกอย่างที่ Online มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเราอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งทั้งหมดนั้นอาศัยพลังงานไฟฟ้าทั้งสิ้น
ไฟฟ้า = social ปัจจุบัน Smartphone เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแอพ Banking ออนไลน์ ธุรกิจซึ้อขายออนไลน์ การสั่งของสั่งอาหารออนไลน์ รวมไปถึงสื่อสังคมออนไลน์ ทุกอย่างถูกออนไลน์ ใช้ชีวิตผ่าน Smartphone ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบางอาชีพ การติดต่อสื่อสาร การโฆษณา สังคมเพื่อนฝูง ข่าวสารบ้านเมือง หรือแม้กระทั่งการรวมตัวกันทำสิ่งดีๆ ผ่านสื่ออนไลน์ ก็ผ่าน Smartphone และนั่นเป็นผลจากการที่เรามีไฟฟ้า ไฟฟ้าได้เปิดโอกาสให้การสื่อสารสามารถติดต่อกันทั่วโลกภายในเวลาไม่กี่นาที
ไฟฟ้า = การถนอมอาหาร มันคือยังไงกันนะ? ปกติแล้วเราจะใช้ไฟฟ้าได้ก็ต่อเมื่อโรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าส่งมายังอาคารบ้านเรือน เราไม่สามารถใช้ไฟฟ้าจากภายนอกอาคารบ้านเรือนได้ จึงเป็นที่มาของการคิดค้นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บพลังงานเพื่อไว้ใช้ต่อไป ที่มีชื่อว่า แบตเตอรี่ (Battery) อุปกรณ์เก็บพลังงานที่ทุกคนต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน (Smartphone) เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงยานพาหนะอย่างรถยนต์และเครื่องบิน แบตเตอรี่ (Battery) จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
ไฟฟ้า = อากาศบริสุทธิ์ ขึ้นชื่อว่า อากาศบริสุทธิ์ ใครๆก็คงมีความสุขเวลาสูดลมหายใจได้เต็มปอด ไม่เหมือนปัจจุบันที่ต้องเผชิญทั้งฝุ่นควัน pm2.5 แต่จะเกิดขึ้นได้ไหม ต้องทำยังไงนะ? ทุกวันนี้มีผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วโลกประมาณ 2 ล้านคันและคาดว่าจนถึงปี 2035 น่าจะมีผู้ใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวซึ่งก็รู้กันดีว่ารถยนต์เป็นตัวปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทำลายชั้นบรรยากาศของโลกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ถูกปล่อยออกมาปีละกว่า 1.7 ล้านตัน
ถ้าหากว่ามีคนเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเท่ากับว่าเป็นการช่วยลดปริมาณก๊าซดังกล่าวออกไปได้เยอะซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกพร้อมทั้งทำให้สภาพแวดล้อมต่างๆของโลกดีขึ้น ในอนาคตหากเราแก้ปัญหาเรื่องราคาที่สูง สถานีชาร์จในบ้านเรามีน้อย มีระยะทางจำกัดและใช้เวลาชาร์จนาน ตัวเลือกมีน้อยมากได้ก็น่าจะเป็นทางอีกเลือกหนึ่ง ซึ่งก็มีให้เห็นแล้ว อย่างที่ ปักกิ่ง เป็นต้น
นับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2427 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นการเริ่มต้นการมีไฟฟ้าของไทยมาตั้งแต่บัดนั้น ปัจจุบันก็เป็นเวลากว่าศตวรรษที่ประเทศไทยมีไฟฟ้าใช้ โดยบุคคลสำคัญที่นำไฟฟ้ามาสู่ประเทศไทย คือ จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ซึ่งขณะนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เป็น “ เจ้าหมื่นไวยวรนารถ” โดยนำเงินที่ได้มาจากการขายที่ดินให้กับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี จำนวน 180 ชั่ง หรือ 14,400 บาท ไปซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 2 เครื่อง จากประเทศอังกฤษ ด้วยประโยชน์ผ่านระยะเวลาอันยาวนานในการสร้างประเทศจึงไม่แปลกถ้าเราจะบอกว่า ไฟฟ้า = ชีวิต
แล้วถ้าขาดพลังงานไฟฟ้าหรือไฟฟ้าดับลงเพียงไม่กี่ชั่วยามจะเกิดอะไรขึ้นนะ! ถ้าเป็นเมื่อก่อนไฟฟ้าดับสัก 15-20 นาที ก็อาจจะแค่รู้สึกร้อนเท่านั้น แต่ปัจจุบันการขาดพลังงานไฟฟ้าไปเพียง 15-20 นาที นั่นหมายถึงมูลค่าความเสียหายทางธุรกิจมหาศาลเชียวนะ