ประเทศไทยกำลังเดินหน้าพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” อย่างเต็มตัว
“Smart City” หรือ”เมืองอัจฉริยะ” กำลังกลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลมีแผนปูพรมการพัฒนาให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้ครบ 77 จังหวัด รวม 100 พื้นที่ ทั้งในรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล หรือข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของบริการชุมชนเพื่อช่วยลดต้นทุน โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พัฒนาให้เข้ากับยุค 4.0 โดยการเอาเทคโนโลยีมาผสานกับการใช้ชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะทั้งด้านการขนส่ง การใช้พลังงาน หรือโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้เมืองที่สะดวกสบายเหมือนในฝันเกิดขึ้นได้จริง
Smart City คือคำตอบเพื่ออนาคตของทุกคน
เมื่อมีการอยู่รวมตัวกันมากขึ้น จากเมืองที่มีพื้นที่พักอาศัยหรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการดำรงชีพเพียงพอต่อจำนวนประชากร แต่เมื่อมีการขยายตัวของประชากร ส่งผลทำให้เมืองมีขนาดใหญ่ขึ้น ประชากรต้องการชีวิตที่ดีขึ้น มีที่พักอาศัยและสาธารณูปโภคที่เพียงพอ ทำให้หลายๆฝ่ายได้ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงเกิดโครงการ Smart City ขึ้น เป็นการรวมตัวกันของความหลากหลายที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิด อุดมการณ์ ความสนใจ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ตลอดเวลา จนเราสามารถพูดได้เลยว่านวัตกรรมที่ส่งผลต่อชีวิตของเราทั้งหมดในตอนนี้มีที่มาที่ไปจาก “เมืองที่ขยายขึ้น” หากเมืองที่ขยายเติบโตขึ้นมีสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นเมืองที่สร้างความเท่าเทียมของผู้อยู่อาศัย เป็นเมืองที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนเป็น “บ้าน” ของตัวเอง ไม่ว่าแท้จริงแล้วภูมิลำเนาเดิมจะมาจากที่ไหน ก็จะส่งผลดีต่อคนส่วนใหญ่ ทั้งในด้านคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม
แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมของโลกที่แย่ลงเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างขาดความรู้ความเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูงของอาคารสำนักงาน รวมถึงปัญหาด้านมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง มลภาวะทางอากาศ และน้ำ ยังไม่นับปัญหาการจราจรและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียจากการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่สุดของปัญหาของระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้นภาวะความเป็น “เมือง” บีบบังคับให้ “คนเมือง” กลายสภาพมาเป็นผู้บริโภคที่สร้างขยะจำนวนมหาศาล เช่น ถ้าหิวน้ำก็ต้องซื้อน้ำ ทำให้เกิดปัญหาขยะ อันเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้เวลานานหลายศตวรรษในการทำให้สภาพแวดล้อมกลับมาอยู่ในสภาพที่เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้พื้นที่และสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ร่วมกัน โดยจะต้องอาศัยทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมแรงร่วมกำลัง พัฒนาระบบทุกฝ่ายให้สามารถเกิดเป็นรูปร่างที่จับต้องได้และนำมาใช้ได้จริง มีการรับฟังเสียงทุกเสียงของภาคประชาชนและสำคัญที่สุดคือ การร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการทำ Smart City ในส่วนของความรับผิดชอบของตัวเองให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด ซึ่งต้องทำงานประสานกัน เพื่อนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ ในการรวบรวม วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลอย่างเหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจ วางแผน ปรับปรุง สร้างสรรค์ร่วมกัน ช่วยเปลี่ยนเมืองเดิมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้มิติเศรษฐกิจและสังคมมีความมั่นคงได้สมดุลย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ประเพณีและอัตลักษณ์ท้องถิ่น สุขภาพ การศึกษา รวมไปถึงความปลอดภัยของประชาชน จะทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ต่อไป
สร้างสรรค์นวัตกรรม SMART CITY อย่างยั่งยืน
จากการศึกษารายละเอียดโครงสร้าง และความคำสัญของ โครงการ SMART CITY ที่เราทุกคนต่างเร่งผลักดันให้ให้เกิดขึ้นได้ในครบทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ Smart Mobility การสัญจรอัจฉริยะ, Smart Community ชุมชนอัจฉริยะ, Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ, Smart Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ, Smart Governance การปกครองอัจฉริยะ, Smart Building อาคารอัจฉริยะ และ Smart Energy พลังงานอัจฉริยะ ทางพรีไซซเองได้ส่งเสริมนวัตกรรมที่จะรองรับ ความเป็น SMART CITY อย่างยั่งยืน มาตลอดหลายสิบปี จากการประกอบธุรกิจของพรีไซซที่มีหัวใจหลักมุ่งเน้นส่งเสริมในเรื่องนวัตกรรมความอัจฉริยะและสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังสร้างโครงการต้นแบบที่ส่งต่อให้ชุมชนเมืองมีความเป็น “GREEN & INNOVATIVE ” ด้วยการคิดค้นสร้างสรรค์สินค้าและบริการ จากแนวคิด “มุ่งสู่การเป็นวิสาหกิจที่เติบโต ยั่งยืน มีคุณภาพ ผสานประโยชน์สุขของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและพัฒนาร่วมกัน” เพราะมองเห็นถึงความสำคัญของพลังงาน ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของของส่วนประกอบหลักใน 7 ด้านที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและพัฒนาขึ้น
พรีไซซเองมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานมาตลอด โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้พลังงาน นำข้อมูลมาวางแผน กระจาย ใช้ จัดเก็บตามความเหมาะสม สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวเอง อันจะนำไปสู่การเป็นผู้นำการลดพลังงานอย่างยั่งยืน สร้างการเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด จากระบบบริหารจัดการพลังงานภายใต้โครงข่าย Total Customer Solution ผ่านแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า “PEMS” (Professional Energy Management System) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของพรีไซซเท่านั้น โดยถือว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดการบริหารพลังงานให้ทุกองค์กรที่ใช้พลังงานจำนวนมากและมีความต้องการลดการใช้พลังงานได้ใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ลดต้นทุนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 10-15% สามารถวางแผนลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาวได้ถึง 50% ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากกว่า 20% โดยระบบสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ซึ่งระบบ PEMS นี้จะเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์การใช้พลังงานไฟฟ้า, น้ำมันเตา, อากาศอัด และน้ำ ซึ่งครอบคลุมทุกพลังงานที่ต้องการลดการใช้งาน สามารถออกรายงานการจัดการพลังงานได้ตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)ได้อย่างง่ายดาย มีความถูกต้องและแม่นยำสูง
นอกจากนี้ยังมีการบังคับใช้ พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้สร้างความตะหนักให้ทุกธุรกิจและหลาย ๆ ภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานในปริมาณมากได้หันมาใส่ใจต่อการอนุรักษ์พลังงานมากขึ้น พรีไซซจึงมีอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ ที่คิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า ได้แก่ ระบบ “TMS” Transformer Monitoring System อุปกรณ์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยติดตั้งอยู่กับหม้อแปลงไฟฟ้าได้ทุกรุ่น ทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติของหม้อแปลง เพื่อความเข้าใจในกิจกรรมการใช้ไฟ เฝ้าระวังเหตุที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในระบบไฟฟ้า ดึงข้อมูลหม้อแปลงทุกตัวได้เรียลไทม์แบบ Mapping Position ผ่านระบบ GPS ซึ่งเรียกดูได้จาก Dashboard ที่แสดงผลในรูปของกราฟหรือตารางที่ง่ายต่อการอ่านค่า ผ่านการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต และยังสามารถแจ้งเตือนความผิดปกติผ่าน Line เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ยังสามารถพยากรณ์คุณภาพของระบบพลังงานไฟฟ้าหรืออายุของอุปกรณ์ได้ล่วงหน้า ความอัจฉริยะของสินค้าและบริการของพรีไซซยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Green Technology รูปแบบต่างๆ อาทิ Solar Rooftop, สถานีรถพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอื่น ๆ ได้ในอนาคต เป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานในเมืองอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ https://preciseproducts.in.th/ LINE: https://lin.ee/1T37XR1 สอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 ต่อ 621 , 065-528-5860
#preciseproducts #powerislife #precise #พรีไซซผู้นำด้านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
อ้างอิง
1. โครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ, เข้าถึงได้จาก http://www.thailandsmartcities.com/about.html
2.“คน” ต้องมาก่อน “เทคโนโลยี” (2) มอง “สมาร์ทซิตี้” สิงคโปร์, เข้าถึงได้จาก https://thaipublica.org/2018/06/singapore-smart-city-1/
3. 6 Smart Cities น่าอิจฉา ตัวอย่างเมืองดี ๆ ที่เทคโนโลยีช่วยพัฒนา, เข้าถึงได้จาก https://thematter.co/pulse/smart-city/32385
4. โครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ, เข้าถึงได้จาก http://www.thailandsmartciti
5. เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้องมีเทคโนโลยีสำคัญอะไรบ้าง? ,เข้าถึงได้จากhttps://www.greennetworkthailand.com/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0-smart-city/
6. ความร้เกี่ยวกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เข้าถึงได้จาก https://www.doe.go.th/
7.นิยาม “เมืองอัจฉริยะ”, เข้าถึงได้จาก https://www.smartcitythailand.or.th/
8.เมืองอัจฉริยะคืออะไรกันแน่ ? , เข้าถึงได้จาก https://thaipublica.org/2020/03/smart-city/
9. BOI e-Journal ปีที่ 02 | 05 ก.ย. – ต.ค. 2562 , เข้าถึงได้จากhttps://www.boi.go.th/upload/ejournal/2019/05/files/extfile/DownloadURL.pdf