ทันทีที่ กทม. มีประกาศปิดห้าง ท้องถนนที่เคยโล่ง กลับคึกคักขึ้น ที่จอดรถห้างเต็มในไม่นาน … เดินไปดูตลาดนัด จากที่เคยบางตาไปก่อนหน้านี้ ร้านขายหมูถึงกับต้องต่อคิว.. (แต่ยืนต่อกันแบบใกล้ชิดโดยไม่มีหนากากอนามัย 555) อีกครั้งที่เราเดินทางมาถึงจุดที่คนแตกตื่นโดยไม่มีสติ ทั้ง ๆ ที่ประกาศก็บอกชัดว่าอาหารสด อาหารแห้ง ที่นำกลับไปปรุงเอง หรืออาหารปรุงสำเร็จที่ไปรับประทานที่อื่นยังมีขาย.. ในช่วงชีวิตผู้เขียน เคยพบเหตุการณ์ผู้คนแตกตื่น กักตุนอาหารแบบนี้ เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อน้องน้ำมาเที่ยวกรุงเพทฯ ปี 54 ครั้งนี้ ไม่แตกต่าง แปลกแต่จริง คนกลัวติดเชื้อไวรัสโควิดมากกกกกก แต่ยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อ (เหมือนเคยกลัวไวรัส HIV ) คนไม่ปรากฏความเสี่ยง ก็พยายามร้องแร่แห่กระเชิงเพื่อขอตรวจอย่างขาดสติ … สรุป คือ กลัวการติดเชื้อ / กลัวตาย / กลัว อด ????
.
หากกลัวตาย คือไม่ติดเชื้อโควิดตายไหมคะ?? จะช้าหรือเร็ว มีใครบอกได้ไหมคะ? ที่สำคัญผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วย มีเพียง 2-3 % เท่านั้นที่เสียชีวิต
.
กลัวอด .. ทรมานกับความหิว… ที่จริงก็ดีนะคะ เป็นโอกาสที่จะเข้าใจความยากไร้ของผู้ด้อยโอกาสกว่ารา เป็นโอกาสที่จะได้ฝึกความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ .. แต่ประเด็นคือ เขาไม่ได้สั่งปิดการขายอาหาร.. ที่วิ่งวุ่น เพราะกลัวไม่ได้ตอบสนองความ”อยาก” มากกว่าความ “หิว” หรือไม่???
.
แต่ถ้ากลัวการติดเชื้อ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความกลัวพุ่งสูงจนขาดสติ.. อย่างหนึ่งก็อาจจะมีผลโดยตรงคือ การขาดข้อมูลที่ชัดเจนและรอบด้าน อันนี้ก็น่าเห็นใจค่ะ เพราะหากผู้มีอำนาจคิดแทนประชาชนว่า การบอกข้อมูลจริงแล้วคนจะตื่นตกใจ.. พอไม่บอกเป็นไง ยิ่งไปกันใหญ่ ตื่น กลัว แต่ยังทำพฤติกรรมเสี่ยง ทั้ง ๆ ที่โดยข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่ตามอ่านข้อมูลมาแล้ว
.
1. เชื้อไวรัสโควิด 19 ไม่สามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้ด้วยตัวของมันเอง มันต้องอยู่ในสารคัดหลั่ง (น้ำมูก น้ำลาย เสมหะและละอองเสมหะจากการไอหรือจาม) ของผู้ติดเชื้อ / ผู้ป่วย
.
2.ช่องทางเข้าสู่ร่างกายของเรา คือ บริเวณหน้า ได้แก่ ตา จมูก ปาก
3. แม้จะยังไม่มีข้อมูลว่าไวรัสโควิด 19 นี้ จะสามารถอยู่ภายนอกร่างกายมนุษย์ได้นานเท่าใด แต่ชัดเจนว่าเชื้อไม่สามารถต้านทาน สบู่ ยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ ได้
.
ถ้าพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว หากเรามีสติในการดำเนินชีวิตประจำวัน อยู่บ้านให้เวลากับครอบครัวแทนการไปหาความสุขและสิ่งยึดเหนี่ยวนอกบ้าน ล้างมือก่อนเอามือไปคุ้นแคะแกะเกาใบหน้า หรือหลังจากไปสัมผัสพื้นที่นอกบ้านมา สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปนอกบ้านกรณีที่จำเป็นจริง ๆ โอกาสติดเชื้อหรือเกิดการระบาดขนาดใหญ่ก็ยาก ผู้เขียนเคยได้ยินนักข่าวทางทีวีช่องหนึ่งบอกด้วยซ้ำว่าโอกาสติดเชื้อเพียง 1 % ด้วยซ้ำ แต่พอเราหวาดกลัวอย่างขาดสติ มันนำไปสู่การบานปลายของเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะ การรังเกียจผู้ติดเชื้อ หรือมีอาการอยากตรวจเกินปกติ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความเสี่ยง / อาการ การแก่งแย่งกักตุนอาหาร การค้ากำไรเกินควรกับสินค้าที่มีความจำเป็น (หน้ากากอนามัย / แอลกอฮอล์ / เจลล้างมือ) ความคิดและการกระทำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น (การขโมยเจลล้างมือที่จัดบริการไว้ในที่สาธารณะ การสวดมนต์เพื่อไล่โควิด ฯลฯ ) … เหตุเพราะ “กลัวโควิด” และฉวยโอกาสจากความ “กลัวโควิด” นั่นเอง
.
โรคโควิด 19 จึงไม่น่ากลัวเท่าโรค “กลัวโควิด 19” !!!!!
.
ผู้เขียน : สุจิตรา โปร่งแสง นักวิชาการอิสระ
.
#กลัวโควิด #covid19 #precise #พรีไซซ #จุดพลังแห่งความรุ่งเรืองร่วมกัน